no need to make sense.

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยควรมีข้อบังคับให้เทรนเนอร์ทุกคนต้องมีใบอนุญาต

เกดคิดว่า การที่คนเราจะเป็นเทรนเนอร์ได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ เพราะอาชีพนี้ต้องรับผิดชอบเรื่อง ความปลอดภัย และต้องมีความรู้มากพอ (ความรู้ที่ว่าก็ไม่ใช่แค่รู้ว่าต้องทำท่าไหนให้แขนกระชับ ) แต่ต้องรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุให้คน squat ไม่ได้ เป็นต้น

ก็เลยสงสัยน่ะ….

สงสัยว่า… ถึงเวลาแล้วรึยังที่ประเทศนี้มันควรจะมี “ ใบอนุญาตประกอบอาชีพเทรนเนอร์ “ สักที เหมือนหมอ ครู หรืออย่างตัวเกดเองตอนเป็นวีเจที่ Channel [V] Thailand เกดต้องไปสอบใบผู้ประกาศเพื่อใช้สำหรับการเป็นวีเจ และทำพิธีกรทางรายการทีวีต่างๆ

โดยมากถ้าเป็นอะไรที่เกียวกับเรื่องการออกกำลังกาย เกดจะถาม พุต พี่ใหญ่ ไม่ก็ นิว  เพราะในโลกการออกกำลังกายของเกดมีแค่เพียง 3 คนนี้เท่านั้นที่เกดสามารถถามได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายไม่เว้นแม้แต่ Topic นี้

เกด: คิดว่าประเทศไทยควรจะมีใบอนุญาตประกอบอาชีพเทรนเนอร์มั้ย ?

นิว: ควร เพราะคนทั่วไปไม่มีความรู้พอ เค้าก็เลยเชื่อเทรนเนอร์ ฉะนั้นเทรนเนอร์ทุกคนก็ควรจะมีมาตราฐานเพียงพอให้สมกับที่คนทั่วๆไปคาดหวัง ไม่ใช่แค่รูปร่างดีอย่างเดียว การออกกำลังกายมันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะมาก มีทั้งเรื่องการเคลื่อนไหว ข้อจำกัดต่างๆของร่างกาย ความหนักที่เหมาะสมที่ใ่ช้ การปรับท่าทาง มันคือศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับร่างกายมนุษย์ ถ้าฝึกผิด ก็อาจเกิดอาการบาดเจ็บเรื้อรังได้

พุต:  ควรมี เพราะเดี๋ยวนี้เริ่มมีหลายๆคนที่พอออกกำลังกายได้สักพัก พอเริ่มมีกล้ามขึ้นมาก็เริ่มไปสอนคนอื่น…ดังนั้นถ้าไม่มีใบอนุญาตประกอบอาชีพนี้ คนก็จะทำอาชีพนี้กันหมดโดยที่อาจจะไม่มีความรู้และประสบการณ์มากพอ ที่จะมาสอนคนอื่นได้ มีแต่จำนวนเทรนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นแต่ไม่มีคุณภาพ

ใหญ่:  ควร เพราะมันบ่งบอกได้ว่าเทรเนอร์ที่เทรนให้คุณนั้นมีความรู้และความเข้าใจเรื่อง สรีรวิทยา เรื่องกายวิภาคศาสตร์ รวมทั้งการทำงานและการเคลื่อนไหวของร่างกายมนุษย์ที่ถูกต้อง อีกอย่างมันจะบอกได้ว่าเทรนเนอร์คนนั้นมีความเอาจริงเอาจังต่ออาชีพที่ เค้าเลือกแค่ไหน ด้วยการเสียสละทั้งเวลาและเงินของตัวเอง เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าเค้าสามารถเทรนได้ดีจริงตามที่เค้าพูดเอาไว้

การได้เห็นคนที่เราเทรนไม่เพียงแค่มีรูปร่างที่ดีอย่างเดียว แต่การได้เห็นเค้าแข็งแรงขึ้นถือเป็นความภูมิใจในอาชีพเทรนเนอร์เช่นกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ทำ Front Squat ได้ประมาณ 30-50 kg แต่พิตต้าสามารถทำได้หนักถึง 60 kg”  พุต เทรนเนอร์พี่พิตต้า

 

เกด: เคยอ่านเจอ มีฝรั่งที่เป็นเทรนเนอร์คนนึงเค้าบอกว่า “ สำหรับเค้า… โดยมากลูกค้าไม่รู้หรอกว่าใบ certificate แต่ละใบที่เค้าได้มา มันคืออะไร และเอาไว้ใช้ทำอะไร ดังนั้นเรื่องการเทรนเค้ามองว่ามันเป็นเรื่องที่เรา สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง”  ทั้ง 3 คนคิดยังไง?

นิว:  ถูก ที่เราจะเรียนมากี่ใบลูกค้าก็ไม่รู้ แต่มันคือความรับผิดชอบที่เราจะต้องพัฒนาตัวเองเพื่อลูกค้า จะไม่มีใบ certificate กี่ใบก็ได้ แต่ต้องศึกษาจริงไม่ใช่แค่พอออกกำลังกายเป็นแล้วไปสอนคนอื่นเหมือนที่พุตบอก ส่วนการไปลงเรียนคอร์สเพียง 1 – 2 วันแล้วได้ใบ certificate มา ..อันนี้คงยังไม่เพียงพอ เพราะความรู้ทั้งหมดที่เทรนเนอร์จำเป็นต้องมี คงไม่สามารถสอนกันได้ภายในวันสองวัน

พุต:  ขึ้นอยู่กับกว่าต้องสอนใคร ถ้าเป็นโค้ชให้นักกีฬาใบ certificate สำคัญมาก  แต่ถ้าเพื่อสุขภาพธรรมดาที่ลูกค้าไม่ได้คาดหวังว่าเทรนเนอร์ต้องเรียนเก่งมากๆ ขอแค่ได้เทรเนอร์ที่เข้าใจกัน และเทรนสนุก ทำให้เค้ารู้สึก motivated ก็เพียงพอแล้ว ดังนั้นนอกจากใบประกาศแล้ว ประสบการณ์ก็มีส่วนสำคัญเหมือนกัน จริงๆแล้วใบ certificate ต่างๆมันมีเนื้อหาสาระของมันอยู่ อย่างน้อยคนเรียนก็จะได้เรียนรู้พื้นฐาน ของการสอนหรือการออกกำลังกายที่ถูกต้องได้ ทำให้เกิดประโยชน์กับทั้งตัวเทรนเนอร์เองและลูกค้าด้วย

ใหญ่: นั่นมันฝรั่ง (หัาเราะ)  จริงๆก็ควรจะเรียน เพราะถ้าเรียนรู้เองโดยการไปเปิดยูทูปดู สมมติไปเปิดเจอคลิป 3 อันแรกแล้วมันเกิดมั่วขึ้นมาโดยที่เราก็ไม่รู้ว่ามันมั่ว แล้วดันไปสอนต่อกันผิดๆก็แย่เลยนะ ทุกวันนี้ความรู้ในเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬามันมีอะไรใหม่ๆที่ต้อง update แทบทุกวัน ฉะนั้นมันไม่ดีกว่าเหรอที่คุณสามารถมั่นใจได้ว่าเทรนเนอร์ของคุณมีความรู้ที่ ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งต่างกับเทรนเนอร์บางพวกที่วันๆก็สอนแค่ในยิมอย่างเดียว โดยไม่ได้ออกไปหาความรู้อะไรจากที่ไหนเลย

 

เกด:  ท่าออกกำลังกายที่เห็นคนส่วนใหญ่ทำผิดบ่อยๆ

ใหญ่:   Deadlift.. ส่วนมากคนชอบคิดว่าเป็นท่าเล่นหลัง แล้วดันไปใช้หลังยก จริงๆแล้วท่านี้ได้ก้นและ hamstring รวมถึงกล้ามเนื้อด้านหลังทั้งหมด  กับท่า Squat ที่คนเข้าใจว่าเวลา Squat เข่าห้ามเลยปลายเท้า มันไม่ถูกต้องนะ เพราะสรีระคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะถ้าเป็นคน femur ยาว (กระดูกต้นขาด้านหน้า ) มันก็ต้องเลยนิดนึงนะ ส่วนใคร femur สั้น squat ยังไงก็ไม่เลยปลายเท้าแน่ๆเพราะขาสั้น

นิว:  Kettlebell swing คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่ามันเริ่มจากขาแล้วใช้แขนยกเหมือนทำ squat กับ front raiseไปด้วย แต่ที่ถูกต้อง ท่านี้ต้องใช้การเคลื่อนไหวจากสะโพกเป็นหลัก บางทีคนชอบทำตามกันโดยที่ไม่ได้ศึกษาอะไรกันเลย

พุต:  Shoulders press ….หลายคนเลยที่มักจะดันบาร์ไปข้างหน้าเล็กน้อย (แต่คิดว่าตัวเองดันขึ้นไปในแนวตรงแล้ว ) ซึ่งที่ถูกจะต้องดันบาร์ขึ้นไปให้ผ่านแนวหูเรา บางทีเป็นเพราะ mobility ไม่ดี บางคนไหล่ห่อ ไหล่ตึงแล้วไปใช้อุปกรณ์อย่าง Barbell มันจะทำให้ใช้หลัง compensate ยิ่งหนักเลยเพราะมันจะกลายเป็นบาดเจ็บ

*นิวสอนเพื่อนเกดทำ deadlift ครั้งแรกในชีวิต เริ่มต้นก็ทำให้ถูกเลย จะได้ไม่เจ็บตัวฟรี

 

เกด:  ฟังแล้วมันต้องมีความรู้มากๆเลยเนอะถึงจะมาเทรนคนอื่นได้..แล้วทำไมประเทศไทยไม่มีใบประกอบอาชีพเทรนเนอร์สักที?

ใหญ่: วงการนี้ (วงการออกกำลังกาย) ในบ้านเรามันยังใหม่อยู่ มันก็ถึงเวลาแล้วที่ยิมใหญ่ๆต้องร่วมมือกันเพื่อกำหนดมาตราฐานขั้นต่ำของอาชีพ เทรนเนอร์ว่าต้องมีความรู้ และควรผ่านการอบรมอะไรมาบ้าง ถึงจะมาเป็นเทรนเนอร์ในยิมของตัวเองได้ ส่วนเทรนเนอร์ที่เป็น freelance ใหญ่อยากเห็นการตั้งข้อกำหนดว่าอย่างน้อยมันควรจะต้องมีใบ certificate อะไรสักอย่างถึงจะสามารถเทรนผู้อื่นได้ ใหญ่คิดว่ามันก็ยากเพราะประเทศนี้ไม่ค่อยยอมออกกฎอะไรทำนองนี้ และนี้ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการให้บริการต่างๆในประเทศนี้ถึงราคาถูก แต่มันคุ้มกันเหรอที่คุณต้องไปเสี่ยงกับการบาดเจ็บด้วยการไปเทรนกับเทรนเนอร์ที่ ไม่มีความรู้พอ หรือคุณจะยินดีจ่ายแพงขึ้นอีกหน่อยเพื่อ ให้ได้เทรนเนอร์ที่อย่างน้อยก็มีความรู้และผ่านการอบรมได้ใบประกาศนียบัตรมา ซึ่งจริงๆแล้วการสอบอะไรเหล่านั้นก็ไม่ได้ยากอะไรเลยนะ

นิว:   เค้ากำลังเริ่มทำกันแล้วครับ พวกกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับ กกท. (การกีฬาแห่งประเทศไทย ) จริงๆแล้วมันมีใบ certificate ต่างๆเช่น ACE NSCA NASM ACSM ISSA  สามารถเรียนได้ที่สถาบัน FIT หรือเข้าไปหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ตาม website พวกนี้เลย

*นอกจากต้องรับชอบธุรกิจยิม Fit-D fitness แล้ว นิวต้องมีไปสอนเรื่องโภชนาการณ์และเรื่องการออกกำลังกายให้ตามสถาบันต่างๆด้วย

 

เกด:  อยากฝากอะไรถึงคนทำอาชีพนี้

นิว:  ศึกษาหาความรู้จากแหล่งที่เชื่อถือได้ ได้มาตราฐานระดับสากล นำมาปรับใช้กับตัวเองจนเกิดความรู้ที่แท้จริง แล้วค่อยนำไปสอนลูกค้า และอย่าหยุดที่จะเรียนรู้ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ

พุต:  ทำให้เต็มที่ อย่าแค่กล้ามใหญ่ก็มาเป็นเทรนเนอร์ ไม่ได้ห้ามนะ แต่ถ้าคิดจะทำก็ต้องมีความรู้จริงๆ ไหนๆเราจะช่วยคนแล้วเราต้องมีความรู้จริงๆศึกษาให้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆให้สุด รวมถึงเบสิคต่างๆในการเทรนก็ควรรู้ให้มากๆด้วย เพราะถ้าเราเก่งจริงเดี๋ยวคนก็จะมาหาเราเอง

ใหญ่:  อย่าทำเพื่อเงิน เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพเดียวที่ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกโตไปเป็นเทรนเนอร์แทนที่จะเป็นหมอหรอก…คือถ้าทำอาชีพเทรนเนอร์แปลว่าคุณเลือกเอง งั้นจงใส่ใจกับมันทำเพราะใจรัก แล้วเรื่องเงินจะตามมาเอง

*พี่ใหญ่ตอนไปเป็นกรรมการให้การแข่ง Crossfit เมื่อปีก่อน ในรูปพี่ใหญ่กำลังบอกว่าเมื่อกี้ No Rep!! แปลว่า “ไม่นับ”

 

ส่วนตัวเกดเอง เกดมองว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นมากที่ประเทศไทยควรออกกฎหมายบังคับให้เทรเนอร์ทุกคนมีใบประกอบอาชีพนี้สักที เพราะอาชีพนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับ หมอ ครู หรือแม้แต่ผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ต้องใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์อย่างแท้จริง

ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อให้ทุกคนในประเทศนี้สามารถหลับตาเดินเข้ายิมไหนก็มั่นใจได้ว่าจะไม่เจอเทรนเนอร์มั่วๆที่หา reference การสอนจากแค่ในยูทูป แล้วก็ให้เราทำท่าออกกำลังกายแบบผิดๆอยู่ได้.. เราจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรง และปลอดภัยแน่นอน

เฮ้อ… ปี 2017 แล้วยังมีคนคิดว่าท่า Deadlift ทำแล้วได้หลังอยู่อีกเหรอเนี่ย….

 

NO NEED TO MAKE SENSE

LK:)

Comments

0

YOU MIGHT ALSO LIKE

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

YOHARA JIRADA

YOHARA JIRADA

Because my love of doing something or someone doesn't always need to make sense..